228 Views Report Error
ภายหลังจากการแข่งขันอันเข้มข้นใน Quarter Quell ครั้งล่าสุด ที่สาวน้อยผู้มากับไฟ แคทนิส เอเวอร์ดีนได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวงขึ้น และมันได้นำมาซึ่งจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของสงครามที่แท้จริง ที่เธอจะไม่ยอมสยบต่อแคปิตอลอีกต่อไป โดยมีแคทนิสในฐานะสัญลักษณ์ของ “ม็อคกิ้งเจย์” จะเป็นผู้นำในการลุกขึ้นต่อต้านครั้งนี้ร่วมกับ เกล เพื่อนรักจากเขต 12, ฟินนิค เพื่อนร่วมเกมจาก Quarter Quell และพลูตาร์ช เกมเมคเกอร์ที่ขอหักหลังแคปิตอล แต่ทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เมื่อชายหนุ่มที่เคยต่อสู้เคียงข้างเธออย่างพีต้า เมลลาร์คต้องถูกแคปิตอลจับเป็นตัวประกัน และประธานาธิบดีสโนว์ก็ดูเหมือนจะไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกต่อไปในสงครามครั้งนี้ แคทนิส หรือ แคปิตอล ใครจะกุมชะตาแห่งพาเน็ม
เกมช่าเกม ม็อกกี้เจย์ภาค3พาร์ท1เนื้อเรื่องต่อจาก Catching Fire เมื่อแคทนิสสวมบทบาทเป็นม็อกกิ้งเจย์เพื่อก่อการปฏิวัติแคปิตอล ผลจากการสูญเสีย กำลังใจที่จะฝ่าฝันอุปสรรคทำให้หญิงสาวผู้มากับไปกลายเป็นกุญแจสำคัญของการลุกฮือประชาชนจากทุกเขต ฝ่ายแคปิตอลก็ไม่รามือเช่นกันเมื่อประธานาธิบดีสโนว์ตอบโต้เหล่ากบฎทุกวิถีทางและทำให้ผู้คนล้มตายมากมาย เหล่าเขต 13 จึงต้องหาหนทางทําโฆษณาชวนเชื่อเพื่อให้ประชาชนจากทุกเขตพร้อมใจกันต่อต้านและเอาชนะสงครามครั้งนี้ก่อนอื่นเราต้องขอบอกก่อนเลยว่า เราเป็นแฟนคลับของภาพยนตร์เรื่องนี้จริงๆและอ่านหนังสือมาครบทุกเล่มก่อนที่จะดูภาพยนตร์ ทีแรกเราหวั่นใจมากที่ผู้กำกับตัดสินใจแยก Mockingjay ออกเป็น 2 พาร์ท ซึ่งผลที่ตามมานั้นอาจจะทำให้ภาพยนตร์อืดอาดเกินความจำเป็นหรือเปล่า แต่ตอนนั้นเราก็คิดในแง่ดีว่าฟรานซิสก็จงใจเพิ่มรายละเอียดไปให้ได้มากที่สุดเพื่ออรรถรสสูงสุดของการรับชมละมั้ง เราคิดว่ามันคงต้องออกมาดีแน่ๆแต่ผลปรากฏาว่าได้เป็นเช่นนั้นไม่! เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างหลังจากได้รับชมมาจริงๆเป็นอย่างที่เราหวาดกลัวเอาไว้เกือบทั้งหมด 20 นาทีแรกของเรื่องเต็มไปด้วยความอืดอาดน่าเบื่อหน่าย ถ้าไม่ตั้งใจดูอาจจะหลับไปแล้วก็ได้แต่สิ่งที่ยังพอดึงดูดเราเอาไว้ได้อยู่คือการแสดงของเจนลอว์ที่ถ่ายทอดทุกอารมณ์มาได้อย่างหมดจดและงดงามในทุกห้วงความรู้สึกกับสิ่งที่แคทนิสต้องเผชิญ ซึ่งเราขอชื่นชมเธอ ณ ในจุดนี้สกอร์ของภาพยนตร์ยังใช้ซาวน์เดิมๆไม่ต่างจากภาคที่แล้ว แต่สิ่งที่ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของภาคนี้คงหนีไม่พ้นเพลง Hanging tree ที่ทำเอาเราขนลุกขนพองเมื่อมันถ่ายทอดออกจากปากเจนลอว์ที่ได้รับบทแคทนิสในเรื่องเราสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังของเธอ การพังทลายของทำนบจิตใจที่ค่อยๆแตกสลายเมื่อเธอผจญกับความสูญเสียทั้งหลายแหล่ที่อาจจะมากเกินกว่าเด็กผู้หญิงคนนึงจะแบกรับเอาไว้ได้เสียดายที่ Catching Fire สร้างมาตรฐานสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ซะสูงในความคิดเรา เมื่อMockingjay ถูกแบ่งออกเป็น 2 พาร์ท ทำให้ความสนุกลดฮวบเลยทีเดียว ถ้าเปรียบเทียบสำหรับหนังสือที่Mockingjay ทำไว้ด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีทางที่ภาพยนตร์ภาคนี้จะตีเสมอกับ Catching Fire ได้เลยจริงๆ เพราะหนังสือภาคนี้จะเต็มไปด้วยความหมองหม่น การสูญเสียที่เกินจะเยียวยาคือผลกระทบของเรื่องราวทั้งหมด สงครามนำมาซึ่งการสูญเสีย และการสูญเสียนำมาซึ่งความเจ็บปวดและรอยแผลเป็นอย่างไม่รู้จักจบสิ้นสรุปได้ว่า การแบ่งพาร์ทภาพยนตร์ไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป เพราะมันอาจเป็นการทำลายภาพยนตร์เรื่องนั้นเลยก็ได้ แทนที่จะออกมาดี กระชับฉับไว เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้น ภาพยนตร์เรื่องนั้นอาจออกมาน่าเบื่อ เอื่อย และ ไร้ซึ่งความสนใจนั่นทำให้เราเห็นอนาคตของภาพยนตร์อีกเรื่องอย่าง Divergent ภาค 3 Allegiant ซึ่งแบ่งเป็นPart 1&2 ในตัวหนังสือมีความน่าสนใจและเนื้อเรื่องมีรายละเอียดน้อยกว่า Mockingjay อีก ถ้าไม่เสริมบทเข้าไปใหม่ให้มันดีๆ ก็เตรียมวีดแบบ Mockingjay ภาคนี้ได้เลยทั้งหมดนี้คือความคิดเห็นส่วนตัวของเรา และเราเป็นแฟนคลับที่รักภาพยนตร์เรื่องนี้มากๆ ภาคที่แล้วน้ำตาซึมในโรงหนังเพราะปลื้มปริ่มที่สร้างออกมาดีกว่าหนังสือมากๆ และเราแทบจะยกให้ The Hunger Games เป็นนิยายอันดับแรกหนึ่งหมวก Dystopian Fiction เลยด้วยซ้ำ แต่งานมันออกมาเป็นยังไงก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้า ดีไม่ดีก็ขอพูดออกมาตรงๆ และสำหรับภาคนี้ก็สนุกน้อยที่สุดในบรรดาทุกภาคเลยก็ว่าได้ ดูจบก็ดีใจที่จบๆซะทีหนังสองชั่วโมงกว่าเล่นทำซะเราหิวข้าวเลย พร้อมกับเกือบจะลืมว่าวันนี้ได้ไปดู Mockingjay มา เราดูแบบ Soundtrack เราไม่รู้ว่าพากย์ไทย เป็นไงแต่บางบรรทัด Soundtrack ก็แปลไม่ได้อารมณ์เลยเหมือนกัน ประโยคที่ตัวละครพูดเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกผ่านคำพูดมากมาย พอมาแปลไทยนี่บางประโยคอารมณ์ลดฮวบเลย ดูหนังออนไลน์